ใครที่กำลังสนใจครีมกันแดดก็คงจะเกิดข้อสงสัยว่า SPF คืออะไร? เพราะเรามักจะเห็นผ่านตากันมามากมายแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ในบทความนี้เราจะพามาเจาะลึกถึงค่า SPF ในกันแดดและวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิวหน้าของเรา
ค่า SPF (Sun Protection Factor) เป็นตัววัดความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์กันแดดต่อผิวหนังจากรังสี UVB (Ultraviolet B) ซึ่งเป็นรังสีที่ส่วนใหญ่ทำให้เกิดการทำงานของเซลล์ผิวเพื่อผลิตวิตามิน D ในร่างกาย ค่า SPF บ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันผิวหนังจากรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้เกิดผลกระทบที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
ค่า SPF ถูกบ่งบอกในตัวเลข ตั้งแต่ตัวเลข 15 ขึ้นไปถือว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกัน แต่ควรให้ความสนใจว่าค่า SPF ไม่ได้บ่งบอกถึงการป้องกันจากรังสี UVA (Ultraviolet A) ซึ่งเป็นรังสีที่เกี่ยวข้องกับสภาพผิวที่เกี่ยวข้องกับริ้วรอยและเสียหายจากแสงแดดโดยทั่วไป ดังนั้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงพร้อมกับการป้องกันจากรังสี UVA เพื่อความปลอดภัยและการดูแลผิวที่ครอบคลุม
ค่า "+" ไม่ได้เป็นรูปแบบที่นิยมในการระบุค่า SPF ของผลิตภัณฑ์กันแดด โดยทั่วไปค่า SPF จะถูกแสดงในรูปแบบเลขเต็ม เช่น SPF 15, SPF 30, SPF 50 เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการป้องกันผิวหนังจากรังสี แต่ในประเทศไทยนิยมใช้สัญลักษณ์ "+" เพื่อให้ง่ายต่อการจำ
ตามกฏหมายของไทย ครีมกันแดดถูกจำกัดไว้ ให้ใส่ค่าไม่เกิน SPF 50 แต่ถ้ากันแดดที่มีค่า SPF มากกว่านั้น (SPF50) จะใส่เป็น SPF 50+ นั่นเอง
เวลาเราจะเลือกซื้อครีมกันแดดสิ่งที่เราเห็นได้ชัดคือ ข้างกล่องมักจะเขียนว่า SPF50+ PA++ (ซึ่งค่า SPF เราได้อธิบายไปแล้ว)
ส่วนค่า PA คือ Protection Grade of UVA ซึ่งเป็นระบบคะแนนที่ใช้ในการบ่งบอกความประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ของผลิตภัณฑ์กันแดด
ระบบคะแนน PA ได้รับการนำเสนอโดยบริษัทเครื่องสำอางค์ญี่ปุ่น ซึ่งแบ่งคะแนนออกเป็นระดับต่ำถึงสูงตามความสามารถ
ในการป้องกันรังสี UVA ดังนี้
ผู้ใช้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีระบบคะแนน PA สูงสุดเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวหนังจากรังสี UVA ที่มีผลกระทบทั้งในระยะทันทีและระยะยาว
การเลือกกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณควรพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการป้องกันจากรังสีแสงแดดและดูแลผิวหนังของคุณ ลองดูขั้นตอนตามนี้ได้เลย
ความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF สูงเพื่อป้องกันรังสี UVB และคะแนน PA สูงเพื่อป้องกันรังสี UVA ในระบบคะแนน PA ค่า SPF ควรอยู่ที่ 30 หรือสูงกว่า และคะแนน PA ควรอยู่ที่ +++ หรือสูงกว่า
ประเภทผิว: ผิวหนังของแต่ละคนมีความต่างกัน ตรวจสอบว่าผิวหนังของคุณเป็นประเภทใด (แห้ง, มัน, ผสม, หรือ บอบบาง) และเลือกกันแดดที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณ
ส่วนประกอบเสริม: บางคนมีการแพ้ง่ายหรือต้องการส่วนประกอบเสริมเพิ่มเติม เช่น น้ำหอมอ่อนนุ่ม, สารบำรุงผิว, หรือสารป้องกันแดดที่ไม่ทำให้เหนื่อยหรืออุ่น
การใช้งานประจำ: ถ้าคุณจะใช้กันแดดในการทำกิจกรรมกลางวันหรือกิจกรรมกลางแจ้ง คุณอาจต้องเน้นใช้กันแดดที่มีความเบาสบายผิว
สูตรไม่ทำให้เสียหายต่อผิว: ควรเลือกกันแดดที่ไม่มีสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือระคายเคืองต่อผิว
อย่างที่ทราบกันดี ว่าเรารู้ค่า SPF และ PA ของครีมกันแดดไปแล้วแต่ในท้องตลาดก็ยังคงมีครีมกันแดดอยู่มากมาย ถ้าใครไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหน
เราขอแนะนำครีมกันแดดที่ได้รับการรับรองจากสถาบันผิวหนังกับ ครีมกันแดด Y8 มีผลทดสอบค่า SPF 50+ PA++++ ช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้ายถึงระดับ DNA บำรุงและเพิ่มอ๊อกซิเจนให้ผิวสดชื่นชุ่มฉ่ำ ใช้ได้กับทุกปัญหาผิว และหากคุณมีปัญหาผิวหน้าเพิ่มเติมสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญได้ตามช่องทางด้านล่าง
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ออนไลน์ทำให้คนส่วนใหญ่ติดต่อกันได้สะดวก และได้รับคำปรึกษาได้อย่างทันที หากท่านมีปัญหาผิว ปัญหาสุขภาพ สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษา และรับคำแนะนำในการดูแลผิว พร้อมเคล็ดลับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสภาพผิวของคุณ อย่าลังเลที่จะปรึกษากับเรา เพราะเราพร้อมดูแลผิวของคุณเสมอ